
เช้าตรู่วันที่สิบห้ามิถุนายนสองพันห้าร้อยหกสิบห้า
ณ
หมู่บ้านสันติสุขจังหวัดนครนายกกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงลอยคลักคลุ้งขึ้นมาจากบ่อปลาดุกของวัดเทวาสันต์
วัดซึ่งเป็นที่เคารพสักการะและถือเป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์และสงบสุขที่สุดในย่านนี้มาหลายชั่วอายุคนในตอนแรกชาวบ้านคิดว่าเป็นเพราะปลาตายจากหนามเน่าเสีย
แต่กลิ่นประหลาดนั้นกลับทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
เล็ดลอดเข้าไปในทุกหลังคาเรือน
รบกวนการนอนหลับของผู้สูงอายุและมื้ออาหารของเด็กเด็ก
ไม่มีใครคาดคิดว่ากลิ่นคาวคลุ้งนั้นกำลังปกปิดความจริงอันน่าสยดสยองเอาไว้
เช้าวันนั้นป้ามาลีหญิงขายมีดขณะกำลังเดินตามหาไก่ที่หายไป
ได้เห็นวัตถุบางอย่างสีขาวซีดลอยขึ้นมาที่ขอบบ่อน้ำขุ่นตอนแรกป้าคิดว่าเป็นท่อนไม้ผุผุแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ต้องตกใจแทบสิ้นสตินั่นคือท่อนกระดูกมนุษย์ปะปนอยู่ในโคลนสีดำข้นหนืด
การแจ้งความเกิดขึ้นในทันทีตำรวจประจำตำบลมาถึงที่เกิดเหตุและทีมปฏิบัติการฉุกเฉินได้ทำการสูบน้ำออกจากบ่อปลา
และแล้วภายใต้ชั้นโคลนเหม็นคาวชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ก็เริ่มปรากฏขึ้นทั้งกะโหลกศีรษะซี่โครงกระดูกแขนขาปะปนอยู่กับซากปลาดุกที่ตายจนตัวอืดเมื่อนับไปจนถึงโครงที่สิบเจ็ดทุกคนต่างนิ่งอึ้ง
ใครกันที่ฆ่าคนเหล่านี้
ใครกันที่เปลี่ยนสถานปฏิบัติธรรมให้กลายเป็นสุสานหมู่ในเรื่องราววันนี้
วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปติดตามร่องรอยทีละก้าวฟังคำให้การแต่ละคำและค้นพบความลับอันโสมมที่ถูกปกปิดมานานหลายปี
เมื่อข่าวการพบท่อนกระดูกประหลาดแพร่ออกไปบรรยากาศในหมู่บ้านสันติสุขก็แทบจะหยุดนิ่งสำหรับชาวบ้านที่อยู่รอบวัดเทวาสันต์
เรื่องราวการพบชิ้นส่วนกระดูกมนิพลอยขึ้นมาจากบ่อปลาดุกนั้นไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่ากลางวันแสกแสก
บางคนกระซิบกระซาบกันว่าอาจจะเป็นแค่กระดูกสัตว์โดยก็ได้บางคนมือสั่นรีบจุดธูปไหว้พระขอพรให้ปลอดภัยแต่ในใจของทุกคนต่างก็หวาดกลัวคำตอบที่แท้จริงคืนนั้นเองผู้ใหญ่นำชัยผู้ใหญ่บ้าน
ได้ลงพื้นที่ไปที่วัดพร้อมกับลูกบ้านอีกสองสามคนกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งรุนแรงแสงไฟฉายส่องไปที่ขอบบ่อท่อนกระดูกยังคงขาวซีดราวกับปักเตือนเป็นลางร้ายสักพักพวกเขาจึงตัดสินใจปิดกั้นพื้นที่บ่อปลาดุกทั้งหมด
เพราะจากประสบการณ์ทำงานผู้ใหญ่นำชัยเข้าใจดีว่าหากเป็นเพียงกระดูกที่หลงมาท่อนเดียว
คงไม่มีทางที่กลิ่นซากศพจะอบอวลไปทั่วเป็นสัปดาห์เช่นนี้ข่าวถูกส่งด่วนไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอทีมสืบสวนคดีพิเศษถูกจัดตั้งขึ้นทันทีในคืนนั้นและมาถึงที่วัดตั้งแต่รุ่งสาง
ตอนนั้นชาวบ้านมารวมตัวกันแน่นขนัดอยู่หน้าประตูวัดแล้วบางคนยกมือปิดจมูกบางคนก็วิพากษ์วิจารณ์กันเส่งแซ่
ว่าแท้จริงแล้วมีอะไรซ่อนอยู่ใต้บ่อนั้นกันแน่ฝนตกปรอยปรอยตลอดทั้งคืนผิวหน้าบ่อปลาจึงเต็มไปด้วยคราบโคลนเป็นหย่อมหย่อม
ในตอนแรกเจ้าหน้าที่สืบสวนยังคงหวังว่านี่เป็นเพียงซากศพนิรนามอุบัติเหตุที่ถูกฝังกลบหรือศพที่ลอยน้ำมา
แต่ทุกขสมมติฐานก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อทีมแพทย์นิติเวชแนะนำว่าต้องสูบน้ำออกให้หมดจึงจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ก้นบ่อภาพการสูบน้ำในเช้าวันนั้นยังคงเป็นฝันร้ายติดตาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคน
น้ำสีดำข้นถูกตักขึ้นมาทีละถังโคลนก้นบ่อเหนียวหนืดราวกับจะดึงรั้งมือของผู้ที่ตักและเมื่อโคลนชั้นแรกถูกตักออกไป
ความเย็นเยือกก็แล่นไปทั่วสันหลังของทุกคน
ฉินส่วนกะโหลกศีรษะเพิ่งจะเผยออกมา
เปื้อนดินดำและมีเส้นผมติดอยู่สองสามเส้น
ทุกคนต่างกลั้นหายใจ
ยิ่งตักโคลนออกกระดูกก็ยิ่งปรากฏมากขึ้นทั้งท่อนซี่โครงกระดูกแขนกระดูกขาทั้งหมดนอนปะปนอยู่กับซากปลาดุกที่ตายอืดส่งกลิ่นคาวคลุ้งจนยากจะบรรยาย
ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามีเหยื่อเพียงรายเดียวแต่แล้วก็พบรายที่สองที่สามจนกระทั่งนับได้สิบเจ็ดโครงกระดูกที่ไม่สมบูรณ์ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้อีกผู้ใหญ่นำใช้เล่าด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือ
ผมทำงานนี้มาเกือบยี่สิบปีไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้คนตายปกติยังมีโลงมีดินมีธูปเทียนนี่เป็นแค่บ่อปลาที่ฝังกลบเนื้อหนังให้ปลากินกระดูกมันต้องมีความแค้นอะไรถึงใหญ่หลวงถึงเพียงนี้
การสืบสวนเบื้องต้นสิ้นสุดลงด้วยคำสั่งปิดกั้นพื้นที่อย่างเข้มงวดวัดเทวาสันติที่เคยมีแต่เสียงสวดมนต์เคาะระฆังบัดนี้ได้กลายเป็นที่เกิดเหตุที่สะเทือนขวัญที่สุดเท่าที่จังหวัดนครนายกเคยมีมา
และที่ไหนสักแห่งในกลุ่มฝูงชนผู้คนเริ่มมองหน้ากันและกระซิบว่าใครกันที่ใจอำมหิตทำเรื่องเช่นนี้ได้คนสิบเจ็ดชีวิตจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างนี้เชียวหรือ
ด้วยความสะเทือนขวัญนั่นเองคณะทำงานคดีพิเศษจึงถูกจัดตั้งขึ้นในคืนนั้นทันทีเพราะทุกคนเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของวัดเล็กเล็กอีกต่อไป
แต่เป็นคำถามใหญ่หลวงเกี่ยวกับความยุติธรรมมโนธรรมและแม้กระทั่งศรัทธาของพุทธศาสนิกชนนับพันที่เชื่อในสองคำว่าเทวาสันติเพียงชั่วข้ามคืน
ข่าวการพบสิบเจ็ดโครงกระดูกมนุษย์ใต้บ่อปลาดุกของวัดเทวาสันติก็ได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านสันติสุขราวกับไฟป่าตั้งแต่เด็กเด็กที่เล่นซ่อนหาอยู่ตามซอย
ไปจนถึงยิงชราที่ขายธูปเทียนอยู่ใกล้ประตูวัดทุกคนต่างร้อนใจหากไม่มีกลิ่นเหม็นนั่นคนเหล่านั้นจะถูกฝังกลบตลอดไปหรือไม่สื่อมวลชนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาหนังสือพิมพ์ออนไลน์หลายฉบับพาดหัวข่าวตัวแดงก่ำว่าสะเทือนขวัญ
สิบเจ็ด
พบสิบเจ็ดโครงกระดูกใต้วัดดัง
ชื่อของวัดเทวาสันติที่เคยผูกพันกับคำว่าสันติสุข
ก็พลันกลายเป็นเครื่องหมายคำถามที่เจ็บปวดบนแผนที่ข่าวทั่วประเทศชาวบ้านต่างสับสนแต่ที่เจ็บปวดที่สุดคงเป็นครอบครัวที่สูญเสียคนรักไปและได้แต่เชื่อมาตลอดว่าลูกหลานของตนเพียงแค่หนีหายสาบสูญไป
พวกเขาพากันมาที่ประตูวัดพร้อมกับรูปถ่ายเก่าเก่าใบสูติบัตรที่เหลืองกรอบกำแน่นอยู่ในมือด้วยความหวังอันริบหรี่บางที
กระดูกข้างในนั้นอาจเป็นลูกเป็นหลานของเราท่ามกลางความโกลาหลนั้นห้องประชุมของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายกแทบไม่เคยปิดไฟติดต่อกันหลายคืนแฟ้มคดีคนหายถูกส่งเข้ามาจนกองสูงท่วมหัว
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้จัดตั้งคณะทำงานคดีพิเศษอย่างเร่งด่วนโดยตั้งปณิธานว่าจะต้องปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด
ไม่ให้คดีอาชญากรรมอันโหดเหี้ยมหนีบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานคือร้อยตำรวจเอกธนากร
นายตำรวจสืบสวนผู้เคยผ่านคดีซับซ้อนที่สุดในภาคเหนือมาแล้วมากมาย
เมื่อร้อยตำรวจเอกธนากรวางภาพถ่ายบ่อปลาดุกลงกลางโต๊ะประชุมทุกคนต่างเงียบกริบคืนนั้นธนากร
นั่งอยู่คนเดียว
มองภาพกระดูกมนุษย์ปะปนกับโคลนสีดำควันบุหรี่ที่พ่นออกมาหนักอึ้งเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดาแต่มันคือหลุมดำอันโสมมของความโลภความงมงายและความหลงผิดอย่างถึงที่สุด
ความกดดันถาโถมเข้ามาเหมือนเงาตามตัว
เบื้องบนผู้บริหารจังหวัดเร่งรัด
สังคมวุ่นวายต้องการให้เปิดเผยเบาะแสโดยเร็ว
เพื่อไม่ให้ข่าวลือผิดผิดแพร่กระจายออกไปเบื้องล่างเจ้าหน้าที่สืบสวนแต่ละคนแทบไม่ได้กลับบ้านทีมแพทย์นิติเวชก็ทำงานอย่างหนักเพื่อแยกชิ้นส่วนกระดูกแต่ละชิ้นค้นหาดีเอ็นเอจากสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่
แต่กระดูกถูกปลาดุกแทะเล็ม
โคลนดินกัดกร่อน
บังโครงเหลือเพียงกระดูกสันหลังไม่กี่ข้อ
เป็นครั้งคราวที่ชาวบ้านจะพากันมาที่ประตูวัดวางธูปไว้ริมรั้วอย่างเงียบเหงาไม่มีใครร้องไห้เสียงดังเพียงแค่มองหน้ากันด้วยแววตาที่ปะปนไปด้วยความหวาดกลัวความเวทนาและความเคลือบแคลงสงสัย
ใครกันที่สามารถลงมือกับคนมากมายขนาดนั้นแล้วยังนั่งสวดมนต์เคาะระฆังได้ทุกวันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่คำตอบนั้นยังไม่สามารถหาได้ในทันทีเพราะเบาะแสมีน้อยเหลือเกินศพไม่สมบูรณ์ข้อมูลการชันสูตรทั้งหมดกระจัดกระจายเหมือนเกมต่อจิ๊กซอว์ที่ไม่มีชิ้นไหนเข้ากันได้เลย
ในคืนที่แสงไฟในห้องสืบสวนสว่านจ้าดุจคืนวันเพ็ญไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังประตูวัดนั้นฆาตกรยังคงกลั้นหายใจรอฟังข่าวคราว
รอโอกาสที่จะหายตัวไปพร้อมกับบาปที่ซ่อนไว้มานานหลายปีและก็เป็นความกดดันอันมหาศาลจากสังคมนี่เองที่กลายเป็นเปลวไฟผลักดันให้ทุกคนในขณะทำงานไม่สามารถหยุดผลักได้
โครงกระดูกแต่ละโครงที่ถูกประกอบขึ้นคือคำถามที่แขวนลอยอยู่ใครฆ่าพวกเขาเพราะอะไร
และยังมีความจริงอีกมากแค่ไหนที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมาจากโคลนสีดำนั้นท่ามกลางวันคืนที่กลิ่นอายแห่งความตายยังคงวนเวียนอยู่รอบรั้ววัด
ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครนายกพลันมีแขกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเงียบเธอคือป้ากัลยาวัยเลยห้าสิบสะพายกระเป๋าผ้าเก่าเก่ามือโอบกอดสำเนาทะเบียนบ้านที่เหลืองกรอบเอาไว้แน่น
ในแววตาแดงก่ำของเธอไม่ได้มีเพียงความเหนื่อยล้าของคนเป็นแม่ที่เดินทางมาไกลแต่ยังมีความกลัวที่ไม่กล้าเอ่ยเป็นคำพูด
เธอนั่งอยู่ตรงหน้าร้อยตำรวจเอกธนากรเสียงแหบแห้งคุณตำรวจคะลูกสาวป้าหายไปสามปีแล้วก่อนหน้านี้เขาชอบไปทำบุญช่วยงานวัดที่วัดเทวาสันต์ตั้งแต่วันที่เขาไป
บ้านป้าไม่เคยมีคืนไหนนอนหลับเลยค่ะร้อยตำรวจเอกธนากรมมองเธอมือของเขาสัมผัสเบาเบาที่รูปถ่ายเก่าซึ่งเธอวางลงบนโต๊ะ
เด็กสาววัยราวสิบเจ็ดปียิ้มอย่างสดใสอยู่ใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าผมยาวของเธอถูกหนีบไว้ด้วยกิ๊บสีแดงสดของชิ้นเล็กเล็กที่ป้ากัลยาเก็บไว้ในกระเป๋าเหมือนของล้ำค่าแกชื่อน้ำหอมค่ะ
วันนั้นแกบอกว่าจะไปขอเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดเพื่อช่วยกวาดลานวัดทำกับข้าวป้าไปตามหาแกแต่ก็โดนไล่กลับมาทุกครั้งเขาบอกว่าลูกสาวป้าหนีไปแล้วกรรมของบ้านป้าต้องแก้กันเองคุณตำรวจบอกหน่อยสิคะว่าลูกป้าทำผิดอะไร
เรื่องราวของป้ากัลยาเหมือนการโรยเกลือลงบนแผลที่กำลังเจ็บปวดของคณะทำงาน
ส่วนหนึ่งของแฟ้มคนหายตรงกับข้อมูลของน้ำหอมเป็นคนตำบลข้างข้างฐานะยากจนพ่อเสียชีวิตแต่เนิ่นเนิ่นแม่ขายมีดเลี้ยงลูกสองคนทุกข้อมูลตรงกันอย่างน่าประหลาด
เมื่อทีมแพทย์นิติเวชทำการตรวจสอบโครงกระดูกอีกครั้งกิ๊บติดผมสีแดงที่ป้ากัลยาพกมาก็ถูกนำมาเปรียบเทียบในชั้นโคลนนั้น
เจ้าหน้าที่เคยพบเศษพลาสติกแตกสีแดงปะปนกับเส้นผมยาวตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงขยะแต่ครั้งนี้เศษพลาสติกชิ้นนั้นกลับกลายเป็นกุญแจสำคัญป้ากัลยายังชี้ไปที่จุดเล็กเล็กในรูปถ่ายด้วยมือที่สั่นเทา
แกมีไฝแดงที่ข้อมือซ้ายค่ะคุณตำรวจลูกสาวป้าขวัญอ่อนแกไม่กล้าหนีไปไหนหรอกค่ะ
ห้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอทำงานแทบจะตลอดทั้งคืนตัวอย่างเส้นผมที่ยังมีรากผมติดอยู่ของป้ากัลยาถูกนำมาเก็บเพื่อเปรียบเทียบภายใต้แสงไฟสีเหลืองที่สาดส่องบนโต๊ะตรวจพิสูจน์ทุกคนตามกลั้นหายใจรอผลตรวจ
กลับมาหลังจากรอคอยนานกว่ายี่สิบชั่วโมงชิ้นส่วนกระดูกข้อมือที่เหลืออยู่แม้จะผุพัง
แต่รหัสพันธุกรรมกลับตรงกับของป้ากัลยาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ป้ากัลยาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตรงระเบียงเธอไม่ร้องโวยวายเพียงแค่กำรูปถ่ายลูกสาวไว้หน้าบกปากพึมพำ
น้ำหอมเอ๊ยแม่ขอโทษนะลูกแม่ช่วยลูกไม่ได้สำหรับคณะทำงานน้ำหอมกลายเป็นชื่อแรกที่ถูกระบุตัวตนจากกองกระดูกสีขาวซีดใต้บ่อปลาดุกเบาะแสเล็กเล็ก
แต่เป็นแสงสว่างแรกที่ส่องทางให้กับเขาวงกตที่ตีบตันมานานจากนั้นแฟ้มคดีคนหายของหญิงสาวคนอื่นอื่นก็ถูกนำมาเปิดดูอีกครั้งใบหน้าแต่ละใบชีวิตแต่ละชีวิตร่องรอยเล็กเล็กน้อยน้อยทุกอย่างต้องถูกตรวจสอบจนถึงที่สุด
แต่ลึกลึกในใจของเจ้าหน้าที่สืบสวนทุกคนยังมีคำถามหนึ่งที่ยังไม่มีคำตอบใครกันที่ใจอำมหิตผลักเด็กสาววัยเพียงสิบเจ็ดปีลงไปสู่ก้นบ่อโคลนอันหนาวเหน็บ
และโครงกระดูกที่เหลือเหล่านั้นยังมีอีกกี่ใบหน้าที่ยังไม่มีแม้แต่รูปถ่ายตั้งหน้าศพอย่างสมเกียรติ
เบาะแสแรกที่ชื่อน้ำหอมเป็นเหมือนคบเพลิงที่ส่องสว่างทะลุม่านทึบแต่ยิ่งก้าวลึกเข้าไปคณะทำงานก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหลงทางอยู่ในเขาวงกต
เพราะการตายของน้ำหอมเป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กเล็กส่วนใครอยู่เบื้องหลังวิธีการฆ่าเป็นอย่างไรยังคงเลือนรางเหมือนหมอกยามเช้าที่ปกคลุมหลังคาวัด
จากแฟ้มคดีของน้ำหอมเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ตรวจสอบรายชื่อหญิงสาวที่เคยมาขอทำงานบุญที่วัดเทวาสันติอย่างละเอียดผลลัพธ์ทำให้ทุกคนนิ่งอึ้งในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา
มีหญิงสาวอีกอย่างน้อยห้าคนที่หายตัวไปอย่างไม่มีเหตุผลจุดร่วมของพวกเธอคือเป็นสาวบ้านนอกยากจนพ่อแม่เจ็บป่วยหรือครอบครัวมีปัญหาพวกเธอไปวัดด้วยความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อตรวจสอบบัญชีเงินบริจาคทีมการเงินพบความไม่ชอบมาพากลในการรับจ่ายเงิน
มีใบอนุโมทนาบัตรบางใบเป็นชื่อของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ตัวเลขกลับสูงขึ้นอย่างผิดปกติ
เงินโอนก้อนใหญ่บางส่วนถูกบันทึกว่าเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแต่ไม่ชัดเจนว่าทำบุญให้ใครและไม่มีเอกสารยืนยันใดใดคำถามใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นหรือว่าเบื้องหลังวัดเทวาสันติคือขบวนการที่แสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนที่อ่อนแอ
ในขณะที่คณะทำงานกำลังง่วนอยู่กับการปะติดปะต่อตัวเลขพยานทางอ้อมคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นป้ามาลีผู้ที่พบชิ้นส่วนกระดูกคนแรกเธอเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉันเคยเห็นผู้ชายแปลกหน้าขับรถหรูมาที่วัดตอนดึกดึกบ่อยบ่อยทุกครั้งที่มาจะเอาของขวัญมาให้เป็นกล่องห่อด้วยกระดาษสีทองแต่หนักอึ้ง
เจ้าอาวาสจะออกไปต้อนรับถึงประตูวัดแล้วก็ปิดประตูคุยกันเป็นการส่วนตัวพวกเขาหัวเราะพูดคุยกันสนิทสนมมาก
ข้อมูลนั้นเหมือนหยดน้ำที่ตกลงบนผืนน้ำที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่นอยู่แล้วขณะทำงานเริ่มตั้งสมมติฐานว่าพระฐิตินันท์
หรือที่เลวร้ายกว่านั้นคือเป็นหัวหน้าลัทธินอกกริดในคราบของวัดเจ้าหน้าที่สืบสวนที่คุ้นเคยกับอาชญากรรมทั่วไปต้องเผชิญกับภาพอันน่าสยดสยองเป็นครั้งแรกนั่นคือปลาหมึกยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูวัด
เพื่อยืนยันแนวทางการสืบสวนนี้พวกเขาได้ไปพบแม่ฉี่แก้วตาหญิงสาวที่ไม่ค่อยปรากฏตัว
แม่ฉี่แก้วตาถูกเชิญตัวมาสอบสวนในคืนนั้นหญิงสาวร่างเล็กในชุดชีสีขาวนั่งขดตัวอยู่ในห้องสอบสวนแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ตอนแรกเธอเอาแต่ก้มหน้าสวดมนต์ท่องซ้ำซ้ำว่าอามิตาพระพุทธลูกไม่รู้แต่แล้วเมื่อเจอสายตาอันเข้มงวดของร้อยตำรวจเอกธนากรเธอก็ร้องไห้ออกมา
ลูกเห็นท่านเจ้าอาวาสรับแขกผู้ชายคนหนึ่งตอนกลางคืนประตูห้องท่านจะล็อกเสมอลูกเคยได้ยินพวกเขาพูดเรื่องทำมาหากินแต่ลูกกลัวลูกกลัวมากค่ะ
ทำให้การนั้นบวกกับจำนวนเงินที่น่าสงสัยค่อยค่อยวาดภาพรูปแบบอาชญากรรมที่สมเหตุสมผลขึ้นมาพระฐิตินันท์เป็นเพียงหุ่นเชิด
ผู้ลงมือที่แท้จริงคือชายปริศนาคนนั้นที่ใช้วัดเป็นฉากบังหน้าเพื่อรวบรวมเหยื่อและกำจัดทุกร่องรอยในนามของชำระกรรมและทำบุญในห้องประชุมมีคนหนึ่งทุบโต๊ะอย่างดีใจนี่แหละคือ
ต้องจับไอ้หมอนั่นให้ได้คดีนี้ถึงจะกระจ่างร้อยตำรวจเอกธนากรนั่งนิ่งเคาะปากกาเบาเบาบนโต๊ะ
ประสบการณ์อันโชกโชนบอกเขาว่าเบาะแสที่ดูจะเข้ากันได้ง่ายเกินไปบางครั้งก็อาจเป็นกับดักแต่ในตอนนั้นภายใต้แรงกดดันจากสังคมและผู้บังคับบัญชาที่เร่งรัดอย่างต่อเนื่อง
ทีมงานจึงจำต้องทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อตามรอยชายแปลกหน้าคนนั้นพวกเขาไล่ดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้านตรวจสอบความสัมพันธ์คนรู้จักของเจ้าอาวาสและร่างภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัย
พวกเขาเชื่อว่าเพียงแค่ตามหาตัวผู้บงการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเจอทุกอย่างก็จะพังทลายลงเหมือนโดมิโน่
แต่ทว่าแนวทางการสืบสวนนั้นกลับนำพาทุกคนไปสู่ทางตันชายที่ถูกกล่าวถึงกลับกลายเป็นเพียงพุทธศาสนิกชนผู้มั่งคั่งที่มักจะนำผลละม้อยมาทำบุญไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการใดใดทั้งสิ้น
ใบเสร็จการโอนเงินทุกใบมีหลักฐานยืนยันเป็นเพียงแต่เจ้าอาวาสที่จงใจทำบัญชีให้ยุ่งเหยิงเพื่อปกปิดบางอย่างเอาไว้เบาะแสแตกสลาย
จากความกระตือรือร้นทั้งทีมก็ตกอยู่ในความเงียบงันมีคนหนึ่งถอนหายใจยาว
บางทีเราอาจจะตั้งคำถามผิดมาตั้งแต่แรกแล้วแท้จริงแล้วสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในวัดคืออะไรและใครกันแน่ที่เป็นผู้ชักใยอาชญากรรมนี้
แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าคำตอบนั้นอยู่ภายในกุฏิของพระทิตตินันท์เองซ่อนอยู่หลังพระพุทธรูปองค์เก่า
รอคอยมือที่อดทนพอที่จะเปิดมันออกมาและเมื่อสมุดบันทึกเล่มลับปรากฏขึ้นทุกข้อสันนิษฐานที่ผิดพลาดเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพียงฝุ่นผง
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมท้องฟ้าที่นครนายกฝนตกพรำพรำหมอกเย็นยะเยือกเกาะติดอยู่บนหลังคาวัดภายในห้องสืบสวนบรรยากาศก็ชื้นแฉะเหมือนโคลนก้นบ่อปลาดุกคนขลักอึดอัดและเหนื่อยล้า
คณะทำงานเหมือนคนว่ายน้ำในความมืดมือสัมผัสโดนเชือกบางเส้นแต่ทุกครั้งที่ดึงขึ้นมากลับมีแต่ขยะที่ไร้ความหมาย
ชายแปลกหน้าไม่ใช่ผู้ชักใยบัญชีเงินบริจาคยุ่งเหยิงเหมือนครูบกได้ใบเสร็จการโอนเงินถูกต้องตามกฎหมายจนไม่มีใครจับผิดได้
เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่สืบสวนหนุ่มคนหนึ่งพูดประโยคที่ร้อยตำรวจเอกธนากรไม่อยากได้ยินที่สุดหรือว่านี่จะเป็นแค่อุบัติเหตุหรือเป็นพิธีกรรมชำระกรรมที่บังเอิญทำเกินเลยไป
แต่ธนากรไม่เชื่อเขามองกลับไปที่รูปถ่ายเก่าของบ่อปลาดุกชิ้นส่วนกระดูกปะปนอยู่ในโคลนสีดำ
เขาเชื่อว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ต้องมีคนที่มีความคิดเจ้าเล่ห์พอที่จะสร้างสุสานปลาดุกหนีขึ้นมา
และร่องรอยของมันจะต้องยังหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่งดังนั้นแทนที่จะวิ่งไล่ตามข่าวลือธนากรตัดสินใจกลับไปยังกุฏิของพระฐิตินันท์สถานที่ที่ทุกคนคิดว่าตรวจค้นจนหมดจดแล้วเขาเดินไปทีละมุมเปิดตู้ทุกบานอีกครั้ง
เปิดหนังสือธรรมะทุกเล่มส่องไฟไปตามรอยแตกบนผนังทุกรอยคืนนั้นภายใต้แสงไฟฉายที่ริบหรี่ร้อยตำรวจเอกธนากรหยุดนิ่งอยู่หน้าพระพุทธรูปองค์เล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเจ้าอาวาส
พระพุทธรูปองค์นั้นเก่าคร่ำคร่าศีลอกดูเผินเผินเหมือนไม่มีอะไรแต่เมื่อธนากรถือขึ้นมาเขารู้สึกว่ามันหนักกว่าปกติเล็กน้อย
เมื่อพลิกดูที่ฐานขององค์พระ
เขาพบรอยต่อที่สามารถเปิดออกได้
ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่พระพุทธรูปที่หล่อเป็นชิ้นเดียวกัน
ด้วยมือที่สั่นเทาจากความตื่นเต้นเขาสามารถดึงลิ้นชักเล็กเล็กที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาได้และพบสมุดบันทึกเล่มเก่าปกชื้นรานอนสงบนิ่งอยู่ข้างในราวกับรอให้ใครสักคนมาเปิดมันออกสมุดเล่มนั้นไม่หนา
มีเพียงไม่กี่สิบหน้าเป็นลายมือที่โย่เย่แต่เขียนอย่างสม่ำเสมอข้อความอันน่าสยดสยองที่ธนากรต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ในนั้นพระทีตินันท์ได้บันทึกรายละเอียดของพิธีกรรมชำระกรรมที่เขาได้ทำมาตลอดเจ็ดปีทั้งชื่อเหยื่ออายุสภาพความเป็นอยู่วันเวลาที่ประกอบพิธี
บางคนถูกบรรยายว่าตายังเบิกโพลงขณะจมลงไปในน้ำบางคนถูกวางยาให้สลบไปก่อนที่จะถูกผลักลงบ่อ
แต่ละหน้ากระดาษเหมือนรอยมีดที่กรีดลงบนความศรัทธาเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้บงการที่ไม่มีใครคาดถึงนั่นก็คือตัวเจ้าอาวาสเองผู้ที่เคยยืนอยู่หน้าพระพุทธรูปสวดมนต์ทุกเช้าท่ามกลางตัวอักษรที่บิดเบี้ยว
ยังมีประโยคที่เขาถามตัวเองซึ่งฟังแล้วน่าขนลุกร่างกายอันโสมมจิตวิญญาณได้รับการปลดปล่อยด้วยปลาดุกที่กัดทินบาปจนหมดสิ้นเราไม่ได้ฆ่าพวกเขาเราเพียงแค่ชำระกรรมให้พวกเขา
ร้อยตำรวจเอกธนากรปิดสมุดบันทึกลงถอนหายใจเบาเบานอกหน้าต่างฝนยังคงตกกระทบลงบนลานวัดเป็นจังหวะตลอดเวลาที่ผ่านมา
ชาวบ้านเชื่อว่าประตูวัดแห่งนี้จะปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยใครจะคาดคิดว่ามันได้ซ่อนเร้นพิธีกรรมอันวิปริตซ่อนเร้นคนในคราบนักบุญแต่กลับมีหัวใจเป็นอสูรเช้าวันรุ่งขึ้นสมุดบันทึกเล่มนั้นกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ทุกแนวทางการสืบสวนที่ผิดพลาดก่อนหน้านี้ทั้งชายแปลกหน้าขบวนการค้าอวัยวะล้วนพังทลายลงเหมือนปราสาททรายคำตอบทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในกระดาษไม่กี่หน้าแต่กลับหนักพอที่จะผลักดันวัดเทวสันติเข้าสู่ฝันร้ายที่ไม่มีทางออก
คืนนั้นผู้ใหญ่นำชัยผู้ที่เคยใช้มือหยิบชิ้นส่วนกระดูกขึ้นมาทีละชิ้นยืนนิ่งอยู่ใต้ชายคาที่ฝนสาดมองประตูวัดที่แง้มอยู่เขาพึมพำเบาเบาเหมือนพูดกับตัวเอง
ที่แท้ปีศาจก็ยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์เพียงแต่เรามองไม่เห็นเองวันที่ถูกเชิญตัวมาสอบสวนครั้งสุดท้ายพระฐิติมันไม่ได้มีท่าทีของพระผู้เปี่ยมเมตตาหรือผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอีกต่อไป
ต่อหน้าคณะทำงานเขาเป็นเพียงชายร่างผอมแห้งแววตาว่างเปล่าศีรษะที่โกนเกลี้ยง
มือยังคงนับลูกประคำเหมือนเป็นปฏิกิริยาที่ฝังแน่นสมุดบันทึกถูกวางอยู่ตรงหน้าหลักฐานทุกอย่างชัดเจนจนไม่มีทางปฏิเสธได้แต่ที่น่าแปลกคือเขาไม่ดิ้นรนไม่โวยวายเพียงแค่ก้มหน้านิ่งอยู่นานแล้วจึงพูดเบาเบาว่า
พวกท่านไม่ต้องถามอะไรเพิ่มแล้ว
ผมจะเล่าให้ฟันทั้งหมด
คำให้การของเขาไม่ใช่การต่อสู้คดี
แต่เหมือนพิธีกรรมสารภาพบาปอันแปลกประหลาดที่ซึ่งเขาเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองไปพร้อมพร้อมกับปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลอันบิดเบี้ยวของคนที่สูญสิ้นเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วไปแล้ว
เขาเล่าว่าตอนเด็กเคยถูกพ่อแท้แท้ทุบตีอย่างทารุณทุกครั้งที่ทำผิดเล็กน้อยจะถูกขังในเหล้าหมูหรือถูกจับให้นอนนิ่งนิ่ง
กลางลานบ้านแล้วราดด้วยน้ำเย็น
ความกลัวได้กลายเป็นปมฝังใจตามกาลเวลา
เขาเติบโตมาพร้อมกับความรู้สึกว่าร่างกายคือภาระคือต้นตอของบาป
แล้วเขาก็หันหน้าเข้าหาพระพุทธศาสนาไม่ใช่เพื่อการตรัสรู้แต่เพื่อหาที่หลบหนีจากความเจ็บปวดทางกายเขาเข้ามาในวัดในสภาพของคนที่แตกสลายแต่แทนที่จะได้รับการเยียวยา
เขากลับสร้างปรัชญานอกกรีดของตัวเองขึ้นมา
นั่นคือการชำระกรรมด้วยการกำจัดร่างกายเพื่อให้วิญญาณได้หลุดพ้นจากโลก
ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขาผมช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นคนที่มาวัดสวนใหญ่ล้วนมีความทุกข์ถูกทอดทิ้งเจ็บป่วยซึมเศร้าไม่มีที่พึ่งพิงผมแค่พาพวกเขาไปยังอีกภพภูมิหนึ่งปลาดุกคือผู้นำศาล
บ่อปลาคือสถานที่เชื่อมต่อระหว่างภพที่มืดมนและภพที่บริสุทธิ์
คณะทำงานนิ่งอึ้ง
ถึงตอนนั้นทุกคนจึงเข้าใจว่าอาชญากรรมนี้ไม่ได้มีต้นตอมาจากความโลภไม่ใช่เพื่อเงินหรือตัณหาแต่เกิดจากจิตใจที่บิดเบี้ยวซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้ากาสาวพัสตร์และเสียงสวดมนต์
เหยื่อรายแรกที่เขาเล่าคือแม่ชีสาวที่เป็นโรคร้ายแรงทนทุกข์ทรมานทุกคืนและภาวนาขอให้ได้หลุดพ้น
พระทิตตินันท์เชื่อว่านั่นคือสัญญาณจากสวรรค์เขาปรุงยาให้สลบผสมในน้ำมนต์แล้วค่อยค่อยพาเธอลงไปที่บ่อปลา
เมื่อเห็นปลาดุกรุมกินร่างกายจนหมดสิ้นเขาก็ยืนสวดมนต์อยู่สามวันสามคืนหลังจากนั้นเขาก็เริ่มเลือกเหยื่อหญิงสาวที่มาทำงานที่วัดล้วนมีชีวิตที่น่าสงสาร
เขาพูดคุยกับพวกเธอฟังเรื่องราววัยเด็กที่ถูกทารุณกรรมเรื่องพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรงเรื่องความรู้สึกซึมเศร้าที่อยากตาย
เขาไม่ได้บังคับเพียงแค่ชี้แนะหนทางสู่การชำระกรรมพวกเขาไม่ได้ร้องขอชีวิตพวกเขายิ้มเมื่อดื่มน้ำแก้วสุดท้ายผมยังจำได้ทุกใบหน้าโดยเฉพาะเด็กคนนั้นน้ำหอม
เธอบอกขอบคุณผมก่อนที่จะหลับไป
เจ้าหน้าที่สืบสวนอาวุโสคนหนึ่งที่เคยเห็นคดีฆาตกรรมโหดมามากมายยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก
เพราะในคำให้การของพระฐิตินันท์ไม่มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อยมีเพียงความเยือกเย็นจนน่ากลัวของคนที่เชื่อว่าตนเองทำในสิ่งที่ถูกต้องและที่น่าตกใจไปกว่านั้น
คือหลังพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในอุโบสถเจ้าหน้าที่ได้พบห้องใต้ดินซึ่งเขาเคยใช้ขังคนที่ลังเลคนที่หลังจากตกลงจะชำระกรรมแล้วแต่กลับเปลี่ยนใจหรือพยายามหลบหนี
บางคนถูกขังอยู่สามวันบางคนเป็นสัปดาห์ก่อนที่จะถูกนำลงบ่อปลาในพิธีกรรมสุดท้ายรวมทั้งหมดสิบเจ็ดคนที่ถูกชำระกรรมด้วยวิธีการอันวิปริตนี้
แต่ละคนคือชีวิตที่ทุกข์ระทมซึ่งถูกพรากโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่โดยคนที่อ้างตนอยู่ในร่มเงาพระพุทธศาสนาแต่กลับกระทำดุจปีศาจ
ในท้ายที่สุดร้อยตำรวจเอกธนากรถามเขาเพียงคำถามเดียวถ้าได้ย้อนกลับไปคุณจะหยุดไหมพระทิตตินันท์เงยหน้าขึ้นดวงตาลึกโบ๋ปากขยับเบาเบาไม่เพราะพวกท่านไม่เคยอยู่ในนรกเหมือนผม
ไม่มีใครพูดอะไรต่อในห้องสืบสวนเหลือเพียงเสียงฝนที่ตกกระทบหลังคาสังกะสีและเสียงระฆังวัดที่แว่วมาแต่ไกลที่ละเสียงที่ละเสียงแต่ก้องกังวานไปด้วยความเจ็บปวดของดวงวิญญาณที่ไม่เคยได้หลุดพ้นอย่างแท้จริง
การพิจารณาคดีของพระทีตินันท์เปิดฉากขึ้นในเช้าวันหนึ่งของต้นฤดูใบไม้ร่วง
ที่นั่งในห้องพิจารณาคดีเต็มแน่นส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านสันติสุขญาติของเหยื่อผู้ที่เคยนำธูปเทียนมาที่วัดเทวสันต์เพื่อขอพรแต่วันนี้พวกเขามาพร้อมกับคำถามใหญ่ความยุติธรรมจะสามารถฝังกลบอาชญากรรมตลอดเจ็ดปีได้หรือไม่
ในห้องพิจารณาคดีป้ากัลยานั่งอยู่แถวหน้าสุดมือที่สั่นเทาโอบกอดรูปถ่ายของน้ำหอมไว้แน่บก
ทุกครั้งที่พระทิตตินันท์ก้มหน้าตอบข้อกล่าวหาดวงตาของป้ากัลยาก็แดงก่ำไม่มีใครได้ยินว่าเธอพูดอะไรเพียงแต่เห็นริมฝีปากของเธอขยับน้ำหอมเอ๊ยแม่พาลูกกลับมาแล้วนะลูกไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวใต้โคลนดำนั่นอีกแล้ว
ด้านหลังร้อยตำรวจเอกธนากรและเจ้าหน้าที่สืบสวนคนอื่นอื่นก็มาด้วยพวกเขาไม่ได้ปรบมือโห่ร้องยินดีเมื่อคำพิพากษาถูกประกาศออกมา
เพราะสำหรับคนที่เคยต้องหยิบชิ้นส่วนกระดูกสีขาวซีดขึ้นมาจากบ่อปลาดุกความจริงนี้ไม่ใช่ชัยชนะแต่มันคือความเจ็บปวดที่แม้แต่ในฐานะผู้แสวงหาความยุติธรรม
และพวกเขาก็ไม่สามารถปลอบใจตัวเองให้สมบูรณ์ได้ในที่สุดศาลได้พิพากษาประหารชีวิตพระทิฐินันท์เป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาของการเสแสร้งเป็นนักบวชแต่กลับมีหัวใจเป็นหมาป่า
ส่วนแม่ชีที่ถูกชักจูงให้ร่วมมือบางคนต้องรับโทษจำคุกที่เบาลงเพราะพวกเธอก็เป็นเหยื่อของความกลัวเช่นกันความกลัวที่จะถูกขับไล่ถูกสาปแช่งถูก
ชำระกรรมเหมือนกับชีวิตอื่นอื่นใต้บ่อปลาหลังจากการพิจารณาคดีวัดเทวาสันติถูกปิดลงอย่างถาวรบนพื้นที่ของบ่อปลาดุกเก่าทางการและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างอนุสรณ์สถานเล็กเล็กขึ้นมา
ทุกปีครอบครัวที่มีญาติพี่น้องนอนอยู่ใต้นั้นจะนำธูปเทียนและดอกไม้มาวางพร้อมกระซิบคำขอโทษที่สายเกินไปคดีได้ปิดฉากลง
แต่บทเรียนยังคงอยู่เงียบงันและคุกรุ่นเหมือนควันธูปบนอนุสรณ์สถานดั่งคำภาวนาขอให้ดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์ได้ไปสู่สุคติอย่างแท้จริง
และผ่านเรื่องราวนี้บางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่คนในคราบนักบวชที่มีจิตใจอำมหิตแต่เป็นวิธีที่ความเชื่อของมนุษย์เมื่อถูกวางไว้ผิดที่
สามารถกลายเป็นมีดที่กลับมาฆ่าตัวเองได้
ศรัทธาท้ายที่สุดแล้วคือที่พึ่งพิงให้มนุษย์ได้ยึดเหนี่ยวในยามที่เหนื่อยล้าและทุกข์ทรมาน
แต่เมื่อใดที่เราปล่อยให้ความงมงายนำทางอย่างมืดบอดปล่อยให้ใครบางคนอ้างตนว่ามีสิทธิ์กำหนดชะตากรรมของผู้อื่นศรัทธาก็จะไม่ใช่แสงสว่างนำทางอีกต่อไป
แต่จะกลายเป็นเงามืดให้ความชั่วร้ายได้ซ่อนตัวจงเชื่อในความดีแต่อย่าลืมที่จะมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมจงเปิดใจแต่ก็จงรู้จักที่จะสงสัยตั้งคำถามและกล้าที่จะพูดออกมาหากเห็นสิ่งผิดปกติ
อย่าได้กลัวที่จะยืนหยัดอยู่ข้างความจริงเพราะบางครั้งความสงสัยที่ถูกที่ถูกเวลาเพียงครั้งเดียว
อาจช่วยชีวิตคนหนึ่งคนให้รอดพ้นจากการถูกฝังอยู่ใต้ก้นบ่อโคลนสีดำเหมือนกับสิบเจ็ดดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นสวัสดีครับค่ะไม่ทราบว่าตอนนี้เพื่อนเพื่อนพี่พี่น้องน้องฟังกันอยู่จากที่ไหนบ้างครับลองคอมเมนต์บอกกันหน่อยได้ไหมครับ
แล้วสำหรับเรื่องราวที่ได้ฟังกันไปในวันนี้ทุกคนรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับคะชอบหรือไม่ชอบส่วนไหนเป็นพิเศษหรือมีความคิดเห็นอะไรอยากจะแลกเปลี่ยนกันไหมมาพูดคุยกันได้เลยนะครับ
สุดท้ายนี้ผมดิฉันก็ขออวยพรให้ผู้ชมผู้ฟังทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญคิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาเดินทางไปไหนก็ขอให้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวงนะครับขอให้ทุกคนมีวันที่ดีครับค่ะ
และแน่นอนถ้าหากเพื่อนเพื่อนคนไหนมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจหรือประสบการณ์ที่อยากจะแบ่งปันให้พวกเราทุกคนได้ฟังก็สามารถส่งเรื่องราวของคุณเข้ามาได้เลยนะครับผมดิฉันรออ่านและรอฟังอยู่นะครับค่ะ