
เอาออกด่วนสิ่งอัปมงคลห้ามมีในบ้านเด็ดขาดระวังชีวิตล่มจมทำมาหากินไม่ขึ้นอาจเป็นหนี้สินทั้งชีวิต
ให้เราท่านน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติให้ท่านได้ทำได้ถูกต้องสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังกัลยาณมิตรทุกท่านฝากกดไลก์กดแชร์กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทางเราด้วยนะคะ
สิ่งอัปมงคลห้ามมีในบ้านเด็ดขาดระหว่างชีวิตล่มจมหากินไม่ขึ้น
ผู้คนสมัยโบร่ำโบราณมักมีความเชื่อต่างต่างหลากหลายบ้างก็เพื่อกุศโลบายบางประการเพื่อเอาไปสอนลูกสอนหลานของคนรุ่นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ถือปฏิบัติมา
และอีกทั้งอาจเพื่อเสริมมงคลและโชคลาภให้แก่ชีวิตสิ่งหนึ่งที่เราหยิบมาในวันนี้คือเรื่องราวของขลังเป็นความเชื่อที่มีมาแต่ช้านาน
คนโบราณนิยมมีและพกติดตัวไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและแน่นอนว่ามีสิ่งของบางอย่างที่ไม่ควรมีด้วยเช่นกัน
หากบ้านไหนมีจะสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับบ้านหลังนั้นสิ่งอัปมงคลห้ามมีในบ้านเด็ดขาดระวังชีวิตล่มจมหากินไม่ขึ้น
หนึ่งชูชกชูชกคือพระเทวทัตกลับชาติมาเกิดพระเทวทัตก็คือคนเลวในสมัยพุทธกาลที่เป็นคนวางแผนจัดการพระพุทธเจ้าและโดนพระแม่ธรณีส่งลงนรกหากผู้ใดมีไว้หรือได้มาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ให้นำไปฝังดินเท่านั้นหรือบริเวณจากชายตามถนนให้คนเหยียบสระลงไปในนรก
การบูชาชูชกเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าให้บูชาบุคคลที่ควรบูชาสำหรับชูชกเป็นคนที่ไม่ควรบูชา
ในคัมภีร์พระไตรปิฎกระบุไว้ชัดเจนว่าชูชกเป็นบุรุษโทษไม่มีความดีสักข้อเลยไม่ควรที่จะหยิบยกมาเชิดชูบูชาเราควรบูชาบุคคลที่เป็นมงคลแก่ชีวิต
ไม่ควรยกย่องคนชั่วอย่างชูชกซึ่งเป็นคนทุจริตคดโกงเอารัดเอาเปรียบเห็นแก่ตัวไม่รู้จักพอเป็นต้น
ในที่สุดชีวิตชูชกก็ตายอย่างน่าสมเพชเวทนาเพราะกินจนท้องแตกตายปรากฏการณ์นี้สะท้อนภาพสังคมอันตกต่ำทางสติปัญญาจริยธรรมและคุณธรรม
อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมแห่งการขอไม่อยากเป็นผู้ให้และเรื่องนี้อาจารย์แม่ชีมุตติยาบอกว่า
เราควรจะบูชาคนดีผู้ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติหรือการดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดีให้เราประพฤติปฏิบัติตามจึงจะเป็นมงคลแก่ชีวิต
เราควรยึดหลักอิทธิบาทสี่ไม่ควรพึ่งพาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์การบูชาชูชกยังถือว่าผิดหลักกฎแห่งกรรมถ้าเราอยากประสบผลสำเร็จที่ต้องปฏิบัติตามคนดี
ไม่ใช่ไปกราบไหว้คนไม่ดีหรือเอาอย่างชูชกซึ่งเป็นคนไม่ทำมาหากิน
เอาแต่ได้เจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนหลอกลวงนอกจากนี้อดีตชาติของชูชกยังเป็นพระเทวทัต
ซึ่งเป็นผู้จ้องทำร้ายพระพุทธเจ้าก่อกรรมหนักจนทำให้พระพุทธเจ้าหล่อเลือดเนื่องจากการกลิ้งหินก้อนใหญ่หมายฆ่าพระพุทธเจ้าและทำให้พระสงฆ์แตกแยกเป็นบาปกรรมที่ทำให้พระเทวทัตต้องถูกธรณีสงฆ์
ลงไปชดใช้กรรมในอเวจีมหานรก
ท่านวอวชิระเมธี
ได้ให้ข้อคิดเรื่องนี้ไว้ว่าการปลุกเสกรูปชูชกขึ้นมาเป็นวัตถุมงคลสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมทางสังคมไทยที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวโดยผู้สร้างชูชก
ผลิตชุดคำอธิบายขึ้นมาอ้างว่าชูชกมีส่วนดีที่ทำให้พระเวสสันดรสำเร็จบำเพ็ญเพียรบารมี
จนเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลและตีความหนังสือไม่แตกเพราะฉากสุดท้ายในชีวิตของชูชก
หลังจากขอกันหาชาลีได้แล้วชูชกมาร่วมงานเลี้ยงแต่ท้องแตกตาย
เพราะกินไม่รู้จักพอดังนั้นการบูชาชูชกคือการบูชาความโลภคนที่ควรได้รับการบูชาคือพระเวสสันดรเพราะเป็นต้นแบบของผู้ให้สองกุมารหรืออสูรกายที่เกิดจากการทำแท้งวิญญาณเหล่านี้
มีเวรมีกรรมต้องไปผุดไปเกิดเพื่อชดใช้กรรมกุมารเหล่านี้ไม่ใช่เทพและไม่มีทางช่วยเหลือมนุษย์ได้จึงไม่ควรนำมาอยู่ในบ้าน
ท่านผู้ฟังคะกุมารทองเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูตผีปีศาจไว้ใช้งานโดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชายหากเป็นวิญญาณของผู้หญิง
ที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่าหงส์พรายกุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมที่มาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่เรียกว่าตายท้องกลม
ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำหาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูกจากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่าต้องหาหญิงที่ตายท้องกลม
แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ
แล้วจึงลงมือลงรักปิดทองให้ทั่วโดยเหตุผลนี้จึงเรียกว่ากุมารทองต่อมาสภาพสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น
ทำให้ไม่สามารถจ้างกุมารทองจากศพทารกจริงจริงได้จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีและสร้างกุมารทองขึ้นโดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้า
ไปจนถึงโลหะและสร้างเป็นรูปกุมารแล้วปลุกเสกตั้งจิตธาตุทั้งสี่และเรียกอาการสามสิบสอง
ให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมากุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็กลักษณะเป็นเด็กไว้จุกนุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณกลายเป็นเครื่องรางของขลังเชื่อกันว่าเสมือนวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น
ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตนต้องให้ข้าวให้เส้นสรวงและต้องเรียกกินข้าวด้วยทุกครั้งและปัจจุบันก็มีข่าวได้ยินกันว่ามีการเอาเด็กมาดองเพื่อจะทำเป็นกุมารทองก็ถือว่า
เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งแต่อาจเป็นเพราะความเชื่อของคนไทยที่มีมานานเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงไม่สามารถห้ามไม่ให้คิดว่าเรื่องแบบนี้สามารถช่วยส่งเสริมให้พวกเขาอยู่ดีมีสุขหรือป้องกันภัยอันตราย
แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ของแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากลบหลู่เช่นกันแต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องราวเหล่านี้
เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่งมงายต่อต้านเหตุการณ์นี้อย่างไรเรื่องของความเชื่อนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลไม่ขอแนะนำให้ทำตามแต่อย่างใดอยู่ที่ตัวบุคคลควรใช้วิจารณญาณพิจารณาว่าควรหรือไม่ควร
สามตั้งหิ้งพระบูชาเหนือขอบประตูตำแหน่งที่เหมาะกับการตั้งหิ้งพระบูชาคือบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบและต้องตั้งในที่ที่มีผนังทึบตัน
หรือให้หลังหิ้งพระที่มีที่พิงอันมั่นคงแน่นหนาการตั้งหิ้งพระบูชาไว้เหนือขอบประตูถือว่าเป็นจุดเสียเพราะบริเวณนั้นมีคนเดินผ่านไปมามีพลังเคลื่อนไหวจะส่งผลเสียต่อพลังศักดิ์สิทธิ์
ทำให้ผู้ที่อาศัยมีแต่ความเสื่อมถอยมากกว่าความเจริญท่านผู้ฟังคะการจัดฮวงจุ้ยหิ้งพระจัดอย่างไรให้เหมาะสมสำหรับคนที่อยากตั้งหิ้งพระและจัดวาง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในบ้านหรือคอนโดเพื่อความเป็นสิริมงคลกับครอบครัววันนี้เราขอแนะนำดังนี้
หนึ่งตำแหน่งหิ้งพระควรหันหน้าไปทางทิศเหนือเพราะเชื่อกันว่าทิศทางสวรรค์อยู่ทางทิศเหนือฉะนั้นหากคุณจะตั้งหิ้งพระหรือกำลังสร้างหิ้งพระก็ควรจะอยู่ทิศเหนือของห้องรับแขกหรือทางทิศเหนือของบ้าน
โดยพื้นที่ส่วนนี้สามารถวางพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นอื่นรวมทั้งกรอบรูปและยันต์ต่างต่างได้หมดเลย
สองหิ้งพระควรหันหน้าไปทางประตูนอกจากควรจัดห้องพระหรือหันหิ้งพระไปทางทิศเหนือของบ้านแล้วหิ้งพระและมุมไว้พระของคุณควรอยู่ใกล้ประตูทางเข้าบ้านโดยหันหน้าชนกับประตูบ้าน
ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยตำแหน่งนี้ถือว่ามีเรื่องดีและเสริมความเป็นสิริมงคลให้บ้านได้มากที่สุดไม่ว่าคุณเองหรือแขกที่เดินเข้าบ้านก็ต้องแสดงความศรัทธาหิ้งพระก่อนเป็นอันดับแรก
อีกทั้งการวางตำแหน่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้บริเวณนี้ยังเชื่อกันว่าจะช่วยปกปักรักษาคนในบ้านให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
สามต้องอยู่สูงและสะอาดสะอ้านเมื่อตั้งใจอยากบูชาพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในบ้านแล้วคุณก็ควรแสดงความเคารพศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านอย่างเต็มที่ด้วย
โดยควรจัดหิ้งพระให้อยู่สูงจากพื้นอย่างน้อยห้าฟุตพร้อมกันนั้นก็ต้องหมั่นทำความสะอาดพระพุทธรูปและหิ้งพระเป็นประจำ
สี่สถานที่ต้องโล่งกว้างและเหมาะสมส่วนมากแล้วถ้าเป็นหิ้งพระมักจะอยู่บริเวณโถงของบ้านหรือในห้องรับแขกที่มีพื้นที่โล่งกว้างเนื่องจากเป็นส่วนกลางของบ้านที่ทุกคนจะมารวมตัวกันอยู่บ่อยบ่อย
พลังงานที่วนเวียนอยู่ตรงนี้เลยต้องสะอาดและมีพลังด้านดีอยู่ค่อนข้างมากพอสมควร
ห้าไม่ควรวางตำแหน่งหิ้งพระหันหน้าเข้าบ้านไม่ว่าจะเป็นรูปพระพุทธรูปเครื่องรางของขลังยันต์รูปปั้นและสัญลักษณ์หรือตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถือว่ามีพลังแห่งตัวเองอย่างแรงกล้า
ฉะนั้นเราก็ควรจัดทิศทางในการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หันหน้าออกไปเพื่อจะได้ใช้พลังงานด้านดีครอบคลุมพื้นที่บ้านทุกตารางนิ้วแต่ถ้าหันหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในบ้าน
หรือวางแอบอยู่หลังโต๊ะอาหารโซฟาหรือปลายเตียงพลังงานในบ้านอาจตีกันให้วุ่นวายซึ่งหากต้องการแก้เคล็ดก็ต้องทำด้วยการหาฉากกั้นหรือปลูกต้นไม้เป็นฉากคั่นเอาไว้ก็ได้
หกหิ้งพระควรอยู่จุดกลางของบ้านตามหลักคลองจุ้ยแล้วจุดศูนย์กลางของบ้านจัดเป็นหัวใจสำคัญ
ที่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายความมั่นคงและความสุขของผู้อยู่อาศัยภายใต้ชายคานั้นนั้นเราจึงได้แนะนำให้คุณตั้งหิ้งพระในจุดศูนย์กลางของบ้าน
สี่เสาไฟฟ้าตั้งอยู่หน้าบ้าน
หากว่ามีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ตรงกับหน้าบ้าน
พอดีถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ค่อยดีนัก
ทำให้บ้านของคุณขาดพลังความสมดุลมีผลให้สภาพจิตใจไม่ปกติโมโหหงุดหงิดง่ายและมักออกอาการเกรี้ยวกราดอยู่เสมอทำให้ขาดโชคลาภหากมีเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่ด้านหน้าบ้านหรือด้านข้างของบ้าน
พลังของคลื่นไฟฟ้าจะส่งผลต่อระบบโลหิตภายในร่างกายทำให้โลหิตหนืดเม็ดโลหิตอาจผิดปกติเกิดโรคที่หาสาเหตุไม่ได้หรือโรคเรื้อรัง
วิธีแก้ให้หาลูกแก้วคริสตัลหรือโมบายมาแขวนหน้าประตูบ้านเพื่อช่วยสะท้อนและกระจายสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปจากบ้าน
ไม่ควรในห้องที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า
ปลูกต้นไม้ให้สูงบังเสาไฟฟ้าและติดธงชาติ
ให้โบกสะบัดพัดพลังงานให้กระจาย
ความเชื่อและความศรัทธาเป็นสิทธิส่วนบุคคล
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟังด้วยนะคะ
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของที่มาเนื้อหาสาระดีดีแบบนี้ที่ได้นำมามอบให้ท่านผู้ฟังได้ฟังกัน
สำหรับวันนี้ขอให้ท่านผู้ฟังกัลยาณมิตรทุกท่านที่เข้ามารับชมรับฟังคลิปนี้อย่าเจ็บอย่าจนคุณพระรักษาเทวดาคุ้มครองสาธุ